ต้นไม้กระถางลดโลกร้อน

สินค้าไอ เดียใหม่เหมาะเป็นงาน parttime   ที่ตอบสนองผู้ที่ชอบต้นไม้  แต่ไม่อยากยุ่งยาก การจับต้นไม้มาใส่กระป๋อง เหลือเพียงขั้นตอนแค่รดน้ำ ก็ได้เห็นดอกไม้ออกดอกให้อย่างสวยงามในเวลาไม่นาน เป็นความภูมิใจของผู้ที่เป็นเจ้าของ ทำให้ไอเดียแบบนี้ได้รับการตอบรับทันที  โดยเฉพาะในวันเทศกาลสำคัญจะมียอดขายพุ่งแรงเป็น พิเศษ“ผมก็เริ่มมีการออกแบบแพ็คเกจ และมีการดีไซน์ เอารูปแบบไปให้คนอื่นช่วยดู ก็ได้ดีไซน์ที่ลงตัว การออกแบบรูปแบบกล่องออกมา ถ้าดีไซด์ดี  และหลากหลาย ก็จะทำให้ขายได้หลายโอกาส ตอนแรกตั้งใจขายแค่เทศกาลปีใหม่  วาเลนไทน์  ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จ  แต่ตอนนี้ก็ขายได้ตลอด ไม่ต้องอยู่ในเทศกาลให้ของขวัญก็ขายได้”
imageวงแรกเขานำเข้าสินค้านี้มาขายจากใต้หวัน  ทำให้ได้เห็นกระแสตอบรับจากลูกค้า เขาจึงลงมือศึกษา  และผลิตสินค้าต้นไม้กระป๋องขึ้นมาจำหน่ายเอง “เพราะการที่ผมได้ไปต่างประเทศบ่อย ทำให้เห็นอะไรมาเยอะ ก็นำมาดัดแปลง  ชุดแรกเราเอามา จากต่างประเทศมาเลย แล้วดูว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ก็เลือกวัสดุปลูกที่มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน เช่น การดูดซับน้ำ การกันเชื้อรา เร่งการเติบโต ถ้าใช้ทดแทนกันได้ก็เอามาใช้ ได้ทดลองปลูกเองก่อน  ดินปลูกเราใช้ ปุ๋ยชีวภาพที่ทำเอง  ตอนนี้เรามีกระป๋องรุ่นใหม่ ใช้กระป๋องแบบมาม่า ซึ่งแบบเก่าเป็นกระป๋องโค๊ก แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ดี แต่เวลาเปิดอาจคม ผมออกแบบดีไซน์แพ็คเกจมาเรื่อยๆ  ก็ มาลงตัวที่รูปแบบนี้”
“ ตอนนี้มีสินค้า ประมาณ 15 ชนิด  ที่เป็นส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มไม้ดอก เป็นดอกในกลุ่มที่ต้นไม่สูงมาก มี ทานตะวันแคระ ดาวเรือง ซันเวีย เดซี่ คาร์เนชั่น  และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นไม้ ที่กินได้ เช่น มะเขือเทศ  เชอรี่  และ พืชสมุนไพร  นอกจากนี้กลุ่มพวกถั่วที่เรียกว่า เมจิกบีน ที่ปลูกอยู่ในแพ็คimage เกจรูปไข่  ตัวต้นไม้เราจะมีชื่อ เรียก และมีข้อความสื่อความหมายซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของสินค้านี้”  เช่น  1.Magic Bean (ต้นถั่ว) 2.Memory 3.Waiting for love 4.Always Happy 5.Love hiding in the heart 6.Lucky clover 7.Virtue 8.Assist 9.Happy all day 10.Plant 11.Courage 12.Plant 13.Spicy chilly 14.sun Flower 15.Very Very Spicy
สำหรับการดูแล  “ต้นไม้ที่เลือกมานี้ จะเป็นต้นอ่อนไม่มีแกนกลาง ถ้าปลูกแล้วขึ้นเต็มหมด จะอยู่ได้สั้น เพราะอาหารในกระป๋องมีจำกัด ถ้าปลูกได้ดี  ก็จะอยู่ได้ ประมาณ 1 ปี ปณิธิแนะนำว่าให้เลี้ยงอยู่ 2-3 ต้นก็พอ มันจะแตกตัวขึ้นมาเอง เวลาออกดอกจะอยู่ที่ประมาณ 2 เดือน ขึ้นกับอากาศ และการให้น้ำ การให้น้ำไม่ต้องให้เยอะ  วิธีการปลูกและการดูแล รักษา ก็จะมีติดมาให้กับต้นไม้กระป๋องด้วย  สำหรับ ปัญหาที่พบ ก็มีในเรื่องที่ลูกค้าบางรายอาจจะบอกว่าไม่ขึ้น  ที่จริงอาจต้องรอระยะหนึ่ง  การไม่ขึ้นเลย โอกาสน้อยมาก  บางคนอาจจะเลี้ยงแล้วโตช้า  ตรงนี้ก็จะขึ้นกับสภาพอากาศ และการรดน้ำด้วย และต้องไม่ออกไม่โดนแดดแรงๆ ต้นไม้จะตาย” ปณิธิให้คำแนะนำ
ในการทำสินค้านี้ เขาเริ่มทำมา 4 เดือนแล้ว โดยเริ่มออกงานแสดงบูท  และมีผู้สื่อข่าวมาเห็น ก็มาสัมภาษณ์ลงในหนังสือพิมพ์  เพียงไม่นานก็ทำให้สินค้าของเขาเป็นที่รู้จัก และได้รับการสั่งซื้อเพื่อไปจำหน่าย “มีมาออกงานที่เมืองทองมีสื่อหลายฉบับมาสัมภาษณ์  ก็ทำให้ได้ลูกค้าที่เป็นตัวแทนขาย ก็ประสบความสำเร็จ มีรับไปขายประมาณ 10 กว่าเจ้าแล้ว ที่มาเร็วมากเพราะมีการบอกต่อ  ช่วงที่ผ่านมาขายได้เยอะเพราะเป็นช่วงวาเลนไทน์  พอดี สินค้าของผมยอดจะพุ่งช่วงที่เป็นเทศกาล อย่างเช่นปีใหม่  วันวาเลนไทน์ ก็จะขายดีมาก   ถ้ามีงานรับปริญญาขึ้นมานิดนึง”
ปัจจุบัน  เขาขายไปแล้ว หลายพันกระป๋องซึ่งราคาขายปลีก อยู่ที่กระป๋องละ 80 บาท เขาพูดถึงกลุ่มผู้ซื้อว่า “กลุ่มใหญ่ที่สุดที่เป็นลูกค้าคือ กลุ่มนักศึกษาที่ซื้อเป็นของฝากของขวัญให้กัน  และก็ มีกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ไม่ค่อยมีเวลา  และไม่มี พื้นที่ปลูกต้นไม้   ทำให้สินค้านี้ตอบสนองความต้อง การตรงนี้  อีกกลุ่มหนึ่งตัวแทนขาย ขายดีมากคือ ขายในย่านที่มีกลุ่มชาวต่างชาติ เขาจะชอบมาก จะเหมาที่ละเป็นสิบๆกระป๋อง เพราะที่บ้านเขาราคาแพง สินค้าที่นิยมซื้อไปส่วนใหญ่  จะ เป็นพืชสมุนไพร เช่น ใบสาระแหน่  ถึงแม้ว่าบ้านเขา อากาศเขาหนาวแต่เขาปลูกในบ้านได้ ต้นไม้เหล่านี้อยู่ได้ในอุณหภูมิระหว่าง 15-35 องศา” ชาวต่างชาติบางคนก็ซื้อไปขายที่ประเทศของเขาเองด้วย  ซึ่ง จะขายกันประมาณกระป๋องละ 200-300 บาท
ส่วนอนาคตของธุรกิจนี้นั้น ปณิธิบอกว่า “กิจการน่าจะไปได้เรื่อยๆ  แต่ ผมยังไ ม่พอใจกับตัวต้นไม้ด้วย น่าจะทำได้ดีกว่า การทำธุรกิจนี้จะยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ เนื่องจากต้นไม้มีความหลากหลายมาก  ที่ผู้ขายจะขายได้ตลอด จากพันธ์ต้นไม้ใหม่ๆ  และแปลกๆ  การทำธุรกิจนี้ ทำให้คนทั่วไปได้รู้จักต้นไม้กันมากขึ้น สินค้านี้จึงมีส่วนช่วยในเรื่องของการรักสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติด้วย
ที่มา franchisefocus